เมนู

อนาปัตติวาร


[60] รู้อยู่ว่าเขาไม่มีความพอใจ พูดส่งเสริม 1 พูดส่งเสริมโดย
เข้าใจว่าเขาโกรธกัน นางคงไม่รับประเคน 1 พูดส่งเสริมโดยเข้าใจว่า นาง
จักไม่รับประเคน เพราะความเอ็นดูแก่สกุล 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1
ไม่ต้องอาบัติแล.
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 6 จบ

อรรถกถาสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 6


วินิจฉัย ในสิกขาบทที่ 6 พึงทราบดังนี้ :-
สองบทว่า ยโต ตฺวํ ไขเป็น ยสฺมา ตฺวํ แปลว่า เพราะว่า
แม่เจ้า.
ถามว่า อาบัติทั้งหลายมีอาทิว่า พูดส่งเสริม ต้องอาบัติทุกกฏ มี
สังฆาทิเสสเป็นที่สุด จะมีแก่ใคร.
แก้ว่า มีแก่ภิกษุณีผู้พูดส่งเสริม. สมจริงดังคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสไว้แม้ในคัมภีร์ปริวารว่า
ภิกษุณีไม่ให้ ไม่รับประเคน การ
รับไม่มี ด้วยเหตุนั้น, แต่ต้องอาบัติหนัก
ไม่ใช่อาบัติเบา และการต้องนั้น เพราะ
การบริโภคเป็นปัจจัย ปัญหาข้อนี้ท่านผู้
ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

จริงอยู่ คาถานี้ตรัสหมายเอาภิกษุณีผู้พูดส่งเสริมนี้. ส่วนความต่าง
แห่งอาบัติของภิกษุณีผู้พูดส่งเสริมนอกนี้ ทรงจำแนกไว้แล้วในสิกขาบทที่ 1
แล. คำที่เหลือตื้นทั้งนั้นแล.
สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน 3 เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ โลก-
วัชชะ กายกรรม วจีกรรม อกุศลจิต มีเวทนา 3 ดังนี้แล.
อรรถกถาสังมาทิเสสสิกขาบทที่ 6 จบ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 7


เรื่องภิกษุณีจัณฑกาลี


[61] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ เพระเชต-
วัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
จัณฑกาลีทะเลาะกับภิกษุณีทั้งหลาย โกรธ ขัดใจ แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้า
ขอบอกคืนพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าขอบอกคืนพระธรรม ข้าพเจ้าขอบอกคืน
พระสงฆ์ ข้าพเจ้าขอบอกคืนสิกขา ภิกษุณีที่ขอสมณี จะมีเฉพาะสมณีเหล่า
ศากยธิดาเหล่านี้เมื่อไร แม้สมณีเหล่าอื่นที่มีความละอาย มีความรังเกียจ ผู้
ใคร่ต่อสิกขาก็ยังมี ข้าพเจ้าจะไปประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักสมณีเหล่านั้น
ดังนี้.
บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนา
ว่าไฉน แม่เจ้าจัณฑกาลี จึงได้โกรธ ขัดใจ กล่าวอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าขอ
บอกคืนพระพุทธเจ้า. . . ข้าพเจ้าขอบอกคืนสิกขา ภิกษุณีที่ชื่อว่าสมณี จะมี
เฉพาะสมณีเหล่าศากยธิดาเหล่านี้เมื่อไร แม้สมณีเหล่าอื่นที่มีความละอาย มี